Thursday, December 4, 2014

ผู้ประกอบการธุรกิจล้างขวด คู่แข่งน้อยและเติบโตเรื่อยๆ ในยุคนี้

เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะผูกขาดจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่รายในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ลืมบอกไปว่าขวดที่ล้างอยู่ในโรงงานทั้งหมดคือขวดสีชา หรือ ขวดเบียร์และก็ขวดสุราขาว  photo clean_bottom-1_zpseab61c67.jpg
กระบวนการล้างขวดจะมีขั้นตอนหลักอยู่ 3 ขั้นตอน คือ ลำเลียงขวดเปล่าเข้าสู่สายพานลำเลียง ล้างขวด และตรวจสอบความสะอาด ที่ขั้นตอนในการล้างมีไม่เยอะก็เพราะเครื่องล้างขวดเป็นระบบปิดเหมือนรูปด้านล่าง พนักงานจะมีหน้าที่ในการจัดเรียงขวดก่อนเข้าเครื่องและก็ตรวจสอบคุณภาพการล้างเมื่อขวดออกจากเครื่องล้างเท่านั้น  photo clean_bottom-2_zps8f50b963.jpg ขั้นตอนการล้างในเครื่องก็ไม่อะไรซับซ้อน เริ่มต้นจะทำการล้างด้วยโซดาไฟเพื่อล้างเอาฉลากข้างขวดและกาวออกจากขวด จากนั้นก็จะทำการล้างด้วยน้ำเปล่าซ้ำอีก 4-5 รอบเพื่อล้างโซดาไฟออกจากขวดอีกครั้ง
แล้วเครื่องก็จะลำเลียงขวดที่ล้างแล้วออกจากเครื่อง ปัญหาในธุรกิจนี้ก็คือการจัดการน้ำที่ต้องใช้ในกระบวนการล้างทั้งหมด ทั้งน้ำเปล่าและน้ำที่ปนเปื้อนโซดาไฟ โรงงานล้างขวดส่วนใหญ่จะเลือกที่จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับผู้ว่าจ้าง ซึ่งก็คือโรงงานเบียร์หรือโรงงานสุราขาว เพราะต้นทุนส่วนใหญ่ในธุรกิจนี้จะอยู่ที่การขนส่งแทนที่จะอยู่กับน้ำในกระบวนการล้าง ก็เพราะน้ำที่ใช้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มาจากน้ำบาดาล เอาว่าปัจจุบันถ้าการจัดการน้ำทิ้งของโรงงานยังไม่มีปัญหากับชุมชน หรือสามารถทิ้งในพื้นที่ของตัวเองได้ ปัญหาก็จะยังไม่เกิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีความจำเป็นต้องทิ้งน้ำลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะแล้วล่ะก็ปัญหาเรื่องการบำบัดน้ำจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ประกอบการทันที เนื่องจากต้นทุนในการบำบัดน้ำที่ปนเปื้อนโซดาไฟในระดับเข้มข้นนั่นเอง คิดเอาเล่นๆ ว่าต้นทุนการบำบัดน้ำทิ้งแพงกว่าค่าน้ำปะปาอย่างน้อยก็ 2 เท่า ซื้อน้ำปะปามาใช้ทั้งหมดยังถูกกว่าบำบัดน้ำก่อนทิ้งซะอีก

by Chayanon

No comments:

Post a Comment